อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ ทำยังไง กับ 9 กลยุทธ์สร้างแบรนด์ ให้ประสบความสำเร็จ
อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ สักแบรนด์ในปัจจุบันคงเป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไปเล้ว เพราะมีโรงงานมากมายที่คอยรับการผลิตในปริมาณที่เราต้องการ รวมไปถึงมีบริการ One stop service ที่เราแทบจะไม่ต้องคุมการผลิตเองเลย เพราะทางโรงงานจะเป็นผู้ดูแลตลอดการผลิต ทำให้การเป็นเจ้าของแบรนด์ในปัจจุบันไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป แต่สำหรับมือใหม่แล้วอาจจะมีปัญหาไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน ซึ่งการจะที่จะทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว วันนี้เราเลยอยากจะมาแชร์ 9 กลยุทธ์สร้างแบรนด์ ให้ประสบความสำเร็จ สำหรับคนที่ อยากเป็นเจ้าของแบรนด์ และประสบความสำเร็จมาฝากกันค่ะ
1.หาสินค้าที่ใช่
สิ่งแรกเลย เราก็ต้องหาสินค้าที่เราต้องการก่อน ว่าเราอยากจะผลิตอะไร อยากขายอะไร อาจจะเริ่มจากความชอบส่วนตัวก่อน หรือสินค้าประเภทที่เราคุ้นเคย เพื่อที่เวลาเราจะผลิตจริงจะได้ไม่ต้องมานั่งเรียนรู้ใหม่ทั้งหมดให้เสียเวลา เพราะเราพอจะมีประสบการณ์และมีความรู้พอสมควรมาบ้างแล้ว แต่ถ้าหากไม่มีก็ลองศีกษาตลาดว่ามีกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อครีมชนิดที่อยากผลิตไหม หรือลองเริ่มโดยการเอาสินค้าของแบรนด์อื่นมาขายก่อนเพื่อที่จะได้มีประสบการณ์ และ ความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น
2.ศึกษาตลาดก่อน ให้รู้เขารู้เรา
เมื่อเรามีสินค้าที่เราต้องการแล้ว ก็มาถึงเวลาสำรวจตลาดว่าสินค้าชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมในตลาดหรือเปล่า มีแนวโน้มทางธุรกิจเป็นอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าคงไม่ใครอยากเป็นเจ้าของแบรนด์ที่เป็นกระแสอยู่ช่วงเดียวแล้วไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไปอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงควรศึกษาตลาดให้ดีเสียก่อนว่ามีแนวโน้มทำกำไลได้มากน้อยขนาดไหน และที่สำคัญที่สุดควรดูว่าสินค้าของเราในตลาดนั้นมีคู่แข่งมากน้อยแค่ไหนด้วย รวมถึงศึกษาคู่แข่งของเรา เพื่อนำมาทำการเปรียบเทียบและวางแผนกลยุทธ์ต่อไป
3.ร่างภาพแบรนด์อย่างคราว ๆ
การร่างภาพแบรนด์ จะทำให้เราเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น อาจเริ่มโดยการลองหากลุ่มลูกค้าของเราว่าคือใคร ยกตัวอย่างเช่น หากลูกค้าสินค้าของเราเป็นครีมสำหรับผู้หญิง ก็ต้องทำความเข้าใจว่าลูกค้าเป้าหมาย ซื้อสินค้าอย่างไร ใช้อย่างไร ชอบแบบไหน ซื้อที่ไหนถ้าสินค้าที่จะซื้อไม่มีขายมีสินค้าที่ทดแทนได้หรือไม่ อะไรเป็นปัจจัยในการตัดสินใจสุดท้ายในการซื้อ เป็นต้น เพื่อที่เราจพสร้างสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการ และยังเป็นการมองหาจุดเด่นว่าสินค้าของเราจะมีความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ อย่างไร
4.เตรียมตัววางแผนทางการเงิน
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมาก ๆ แน่นอนว่าเรามีเงินเพียงพอสำหรับผลิตสินค้า แต่ก็อย่าลืมว่าเราจะต้องมีเงินทุนหมุนสำหรับเรื่องอื่น ๆ ด้วย อาทิเช่น การโปรโมทสินค้า การทำการตลาดเพื่อให้คนรู้จัก ได้เห็น ได้ลองใช้ เป็นต้น การวางแผนทางการเงินจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยการลิสต์วางต้องมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง แล้วแบ่งเงินทุนให้ชัดเจน รวมไปถึงควรมีเงินสำรองยามฉุกเฉิน เผื่อเกิดเหตุการไม่คาดฝันจะได้มีเงินสำรองไว้ใช้ค่ะ นอกจากนี้ก็ควรเริ่มทำบัญชีเสียแต่ตอนนี้เลย จะได้รู้ถึงรายรับรายจ่าย พร้อมกับคำนวนต้นทุน ไปในตัวด้วย
5.มองหาโรงงานที่ใช่
เมื่อเรามีสินค้าที่ใช่ เงินทุนที่พร้อม ก็ถึงเวลาที่เราจะมองหาโรงงานที่ใช่ โดยควรเลือกโรงงานที่ได้มาตราฐาน โดยดูว่าทางโรงงานมีใใบรับรองมาตรฐานโรงงานอะไรบ้าง อาทิเช่น GMP , HACCP ,Halal ,Codex เป็นต้น รวมไปถึงดูผลงานที่ผ่าน ๆ มาของทางโรงงาน เพื่อรับรองความน่าเชื่อถือ หากเราต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์ของตัวเองก็สามารถเลือกใช้บริการโรงงานที่เป็น ODM หรือ OEM ที่รับจ้างผลิตครีมให้กับแบรนด์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ อาจจะเลือกโรงงานที่มีบริการแบบ One stop service เลยก็ได้ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และมีทีมงานที่มีประสบการณ์ดูแลให้คำปรึกษาเรา ทั้งนี้สิ่งทีสำคัญที่สุดคือควรเข้าไปดูว่ามีโรงงานจริง ๆ และมีระบบปฏิบัติการที่สะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน
6.ปรึกษากับทางบริษัทในการเลือกสูตร
หลังจากที่ได้โรงงานที่เราได้โรงงานแล้ว สำหรับบางท่านอาจจะยังไม่มีสูตรมาเองก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะทางโรงงานนั้นก็มีสูตรให้เลือก เรียกว่า “สูตรกลาง” โดยเราสามารถกำหนดได้ว่าอยากได้สินค้าที่มีสตรประมาณไหน มีคุณสมบัติตามที่เราต้องการหรือไม่ แต่ถ้าหากไม่มีสูตรที่ถูกใจก็สามารถปรึกษากับทางโรงงาน เพื่อให้ทีมวิจัยของทางโรงงานคิดค้นสูตรขึ้นมาใหม่สำหรับแบรนด์เราโดยเฉพาะเลยก็ได้
7.ลองใช้ผลิตภัณฑ์จริง ๆ
ทันทีที่ได้สูตรมา เราก็ควรลองใช้จริง ๆ กับตัวเองก่อน ดูว่าสูตรนั้นให้ผลจริงหรือไม่ เพราะคงไม่ใครอยากใช้สินค้าที่ใช้แล้วไม่ได้ผล หรือใช้แล้วมีผลค้างเคียงอย่างแน่นอน ดังนั้นหากต้องการให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเราจะขายแต่การโฆษณาสรรพคุณไม่ได้ สินค้าของเราจะต้องดีจริง ๆ ได้ผลจริง และปลอดภัยด้วย จึงจะสามรถดึงลูกค้าและมัดใจให้กลับมาใช้สินค้าของเราอีกเรื่อย ๆ นอกจากนี้การทดลองใช้กับตนเองยังทำให้เราได้รู้สรรพคุณและจุดเด่นของสินค้าอย่างแท้จริงเพื่อที่เราจะสามารถทำธุรกิจต่อไปได้อย่างมั่นใจ
8.ออกแบบฉลาก และบรรจุภัณฑ์
หลังจากที่เราได้สูตรที่เราพึงพอใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่ทางโรงงานทำเรื่องขอ อย. เราก็สามารถออกแบบและสั่งทำ ฉลาก และบรรจุภัณฑ์ล่วงหน้าได้ การออกแบบผลิตภัณฑ์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะนอกจากจะเป็นตัวบ่งบอกข้อมูลสรรพคุณของสินค้า และปกป้องตัวสินค้าให้ปลอดภัยแล้ว ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะมาเปลี่ยนสินค้าธรรมดาๆ ให้กลายเป็นสินค้าชิ้นพิเศษที่น่าซื้อมาครอบครองได้ ทั้งยังแสดงถึงภาพลักษณ์ของแบรนด์ของเราอีกด้วย เรียกได้ว่าไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด
9.หาช่องทางทางกระจายสินค้าสู่ตลาด
เมื่อสินค้าของเราคลอดออกมาแล้วก็มาถึงกระบวนการกระจายสินค้าเขาสู่ท้องตลาด และทำแบรนด์ให้เป็นที่รู้จัก ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมทสินค้า ทั้งทางหน้าร้าน หรือทางโซเชียล รวมไปถึงการหาตัวแทนก็เป็นสินสำคัญ โดยในจุดนี้เราสามารถนำแผนการตลาดที่เราได้ร่างเอาไว้คร่าว ๆ ไปปรึกษากับทางโรงงานฝ่ายการตลาดเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้