รับผลิตเครื่องสำอาง

เครื่องสำอาง ความน่าสนใจของกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และมูลค่าทางการตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เครื่องสำอาง หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในท้องตลาดมาอย่างยาวนาน หลายคนอาจคิดว่าผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เพิ่งเริ่มมีการใช้กันอย่างเป็นวงกว้างในปัจจุบัน แต่อันที่จริงแล้วนั้น เราสามารถย้อนร่องรอยของเครื่องสำอางกลับไปได้ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ที่มีการค้นพบแผ่นหินที่มีแร่สีผสมอยู่ จนมาถึงในยุคอียิปต์ที่มีการนำแร่ต่าง ๆ มาบดละเอียดผสมกับน้ำมัน หรือไขมันที่ได้จากสัตว์แล้วนำมาตกแต่งลงบนใบหน้า เราจะเห็นได้เลยว่าเครื่องสำอางนั้นมีมูลค่าทางการตลาดมากกว่าการเป็นสินค้า แต่ยังเป็นวัฒนธรรมร่วมที่มนุษยชาติไม่ว่าจะยุคไหนต่างก็มีความเกี่ยวข้อง และใช้กันมาอย่างยาวนานด้วยเทคโนโลยี รับผลิตเครื่องสำอาง ที่มีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น และความกว้างขวางของตลาดเครื่องสำอางที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่ได้จำกัดแค่ผู้หญิงอีกต่อไป ทำให้เครื่องสำอางได้รับการพัฒนา และมีความก้าวหน้าตั้งแต่รูปแบบผลิตภัณฑ์ คุณสมบัติในการใช้งาน ไปจนถึงเครื่องสำอางรูปแบบใหม่ ๆ มากมายเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยมากยิ่งขึ้น

จากผู้บริโภคที่เคยจำกัดเฉพาะกลุ่ม ขยายวงกว้างมากขึ้นจนในปัจจุบันนี้ไม่ว่าใคร ๆ ก็เข้าถึง และใช้เครื่องสำอางกันอย่างแพร่หลายโดยไม่มีข้อจำกัดอีกต่อไป ทำให้ตลาดเครื่องสำอางมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นหนึ่งในตลาดที่มีมูลค่าสูงที่สุดในปัจจุบัน มีแบรนด์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมายในช่วงหลายปีมานี้ แต่ละแบรนด์ต่างพากันออกผลิตภัณฑ์ที่มีความแปลกใหม่ น่าสนใจออกสู่ตลาดเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคและเพื่อสร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับแบรนด์ของตนเอง ตลาดเครื่องสำอางถือเป็นตลาดที่ยังสามารถเจาะกลุ่มลูกค้า และสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อสร้างมูลค่าทางการตลาดได้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่มีมูลค่าตลาดเครื่องสำอางสูงที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่สนใจการรับผลิตเครื่องสำอาง และเข้าเป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางนั้นสามารถที่จะเจาะตลาดที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้ได้อย่างแน่นอน

อัปเดตเทรนด์ตลาดความงาม และมูลค่าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

อุตสาหกรรมเครื่องสำอางในประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าทางการตลาดสูงที่สุดในอาเซียน จากการสำรวจพบว่ามูลค่าทางการตลาดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความงามมีมูลค่าทางการตลาดที่สูงมากกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี โดยสัดส่วนของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางนั้นจะอยู่ที่ราว ๆ 12 เปอร์เซ็นต์ มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย ๆ 7.6 เปอร์เซ็นต์ โดยเครื่องสำอางสำหรับผิวหน้านั่นมีส่วนแบ่งทางการตลาดมากที่สุดอยู่ที่ 57 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยเครื่องสำอางสำหรับริมฝีปากที่มีสัดส่วนทางการตลาดอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ และเป็นเครื่องสำอางสำหรับดวงตาโดยเฉพาะอีก 17 เปอร์เซ็นต์ด้วยกัน ถือได้ว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมความงามนั้นเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก ๆ เป็นตลาดที่ยังมีมูลค่าส่วนแบ่งทางการตลาดสูง และช่องทางในการผลิตเครื่องสำอางที่มากยิ่งขึ้น เปิดโอกาสให้ผู้สนใจเป็นเจ้าของแบรนด์สามารถที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้อย่างง่ายดาย

ตลาดเครื่องสำอางในปัจจุบันมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความงามแล้ว หลาย ๆ แบรนด์ยังคำนึงถึงภาพลักษณ์ สิ่งแวดล้อม และความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น มีการทำการตลาด และสำรวจแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคโดยไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความต้องการในสรรพคุณของผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงเรื่องของสิ่งแวดล้อม การบริโภคผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี หรือการไม่ทดลองผลิตภัณฑ์ในสัตว์ เราลองมาดูกันว่าเทรนด์การผลิตเครื่องสำอางที่กำลังเป็นที่จับตามองในขณะนี้มีอะไรบ้าง

1. Clean Beauty

เนื่องด้วยปัจจุบันผู้บริโภคหันมาสนใจเรื่องของคุณภาพของส่วนผสมในผลิตภัณฑ์กันมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงเรื่องสารเคมีตกค้างต่าง ๆ คำว่า Clean ในที่นี้จึงหมายถึงเครื่องสำอางที่ไม่มีส่วนผสมของสารอันตราย ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เป็นส่วนผสมที่มาจากแหล่งธรรมชาติ ออแกนิค และสามารถใช้งานได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวล หลาย ๆ แบรนด์เริ่มตามเทรนด์นี้กันมากยิ่งขึ้น และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์หลายตัวออกมาให้เหมาะสมกับเทรนด์นี้

2. Cruelty Free

คำนี้หลายคนอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เราอาจจะเคยเห็นโลโก้กระต่ายตัวเล็ก ๆ อยู่บนบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสัญลักษณ์นั้นแสดงให้เห็นว่าผลิตภัณฑ์ตัวนั้นไม่ได้ทำการทดสอบการใช้งานในสัตว์ ส่วนผสมต่าง ๆ ที่ประกอบอยู่ในเครื่องสำอางชนิดนั้น ๆ ไม่มีส่วนผสมใดที่ทำการทดลองในสัตว์ ผู้ที่สนใจเรื่องของการเบียดเบียน และคุณภาพชีวิตสัตว์จะให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านการทดลองในสัตว์ เป็นอีกเทรนด์หนึ่งที่นอกจากจะดีต่อสิ่งแวดล้อมแล้วยังดีต่อมูลค่าทางตลาดอีกด้วย

3. Vegan Products

เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังมาแรงต่อเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ที่ไม่ทำการทดลองในสัตว์ คือผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมที่ได้จากสัตว์เป็นส่วนประกอบ เช่นลิปสติกที่ใช้น้ำมันจากพืชแทนสีผึ้งนั่นเอง ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้จะเจาะไปที่ผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แบบไม่รับประทานเนื้อสัตว์ หรือผู้ที่มีอาการแพ้ผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์

4. Recycle Packaging

การออกแบบผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบตัวผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ที่จะมีแค่รูปลักษณ์ที่สวยงามอย่างเดียวไม่ได้ แต่จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์การรักษาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน หลายแบรนด์เลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่สามารถรีไซเคิลได้ ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ มีการออกผลิตภัณฑ์ชนิดรีฟิล คือเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดเติมให้สามารถนำไปเติมลงในบรรจุภัณฑ์เก่าได้

เทรนด์เหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยให้ผลิตภัณฑ์ของเราสามารถที่จะเติบโตได้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางในปัจจุบัน

ประเภทของเครื่องสำอาง และส่วนแบ่งทางการตลาด

เครื่องสำอางที่อยู่ในท้องตลาดปัจจุบันนั้นเราสามารถแบ่งออกได้เป็นหลากหลายประเภทด้วยกัน แต่เครื่องสำอางในส่วนที่สามารถทำมูลค่าทางตลาดได้สูงนั้นเราสามารถแบ่งออกได้เป็น

• เครื่องสำอางสำหรับผิวหน้า มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 57 เปอร์เซ็นต์ เช่น ครีมรองพื้น แป้งคูชั่น แป้งตลับ แป้งฝุ่น ผลิตภัณฑ์สำหรับการเตรียมผิวให้พร้อมก่อนการแต่งหน้า
• เครื่องสำอางสำหรับดวงตา มีส่วนแบ่งทางการตลาด 25 เปอร์เซ็นต์ เช่น อายแชโดว์ มาสคาร่า
• เครื่องสำอางสำหรับริมฝีปาก มีส่วนแบ่งทางการตลาด 17 เปอร์เซ็นต์ เช่น ลิปสติก ลิปมัน

โดยเครื่องสำอางทั้งสามชนิดนี้เป็นหมวดหมู่เครื่องสำอางยอดนิยมที่มีผู้ รับผลิตเครื่องสำอาง เปิดให้บริการรับผลิตอย่างมากมายในปัจจุบัน นอกจากนี้แล้วในอุตสาหกรรมความงามก็ยังมีผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น ครีมบำรุงผิวต่าง ๆ ทั้งผิวหน้า และผิวกาย ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม เช่นยาสระผม ไปจนถึงน้ำมันบำรุงผม และสเปรย์จัดแต่งทรงผม ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำหอม และผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากก็จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมความงามด้วย ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มความงามมีมูลค่าทางการตลาดที่สูงมากกว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี สำหรับเครื่องสำอางทั้งสามชนิดนั้นจะมีมูลค่าทางการตลาดอยู่ราว ๆ ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่มีมูลค่าสูงมาก ๆ เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น ๆ

ตลาดเครื่องสำอางในประเทศไทยนั้นมีมูลค่าสูงที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเมื่อเทียบกับกำลังการซื้อแล้ว คนไทยถือว่ามีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าประเภทนี้มากที่สุด การตัดสินใจในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ นั้นพบว่าผู้บริโภคจะเลือกซื้อโดยเริ่มต้นจากดูความน่าเชื่อถือของแบรนด์ ตามด้วยคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ และเรื่องประสิทธิภาพการใช้งาน ส่วนในเรื่องของราคานั้นถือเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผู้บริโภคชาวไทยจะให้ความสนใจ หากสินค้าของเราดีจริงผู้บริโภคก็จะยอมจ่ายอย่างแน่นอน ดังนั้นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเรานั้นจะต้องควบคุม และมุ่งความสนใจไปที่การพัฒนาคุณภาพของตัวสินค้าให้เป็นหลักสำคัญที่สุด

ทำความรู้จัก 3 ชนิดเครื่องสำอางหลัก

เครื่องสำอางสำหรับผิวหน้า

เครื่องสำอางในกลุ่มนี้ผู้ประกอบการสามารถทำการพัฒนา และผลิตออกมาได้อย่างหลากหลายเพื่อให้ตรง และครอบคลุมกับความต้องการของตลาดมากที่สุด

• ครีมรองพื้น รองพื้นเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำออกมาได้หลายสูตร สามารถปรับส่วนผสมให้เหมาะกับผิวหน้าชนิดต่าง ๆ และสีของผลิตภัณฑ์ให้เหมาะกับโทนผิวมากที่สุด
• คอนซีลเลอร์ ผลิตภัณฑ์เพื่อการปกปิดเฉพาะจุด มีลักษณะการใช้งานคล้ายรองพื้นแต่เน้นลงในจุดที่ต้องการปกปิดริ้วรอย เช่นรอยสิว หรือรอยแผลเป็นรวมไปถึงรอยคล้ำรอบดวงตา
• คูชั่น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานง่าย สะดวก และรวดเร็วกว่าการลงรองพื้น ทำหน้าที่คล้ายคลึงกับการลงรองพื้นแต่จะให้สัมผัสที่บางเบากว่า
• แป้งตลับ ชนิดของแป้งที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตลาด มีการพัฒนาให้มีความหลากหลายทั้งแป้งอัดแข็งโปร่งแสง แป้งเนื้อธรรมชาติ ไปจนถึงเป็นแป้งผสมรองพื้นที่มีสีของแป้งคล้ายคลึงกับสีผิว
• แป้งฝุ่น แป้งที่พัฒนามาเพื่อซับความมันบนใบหน้า หรือจะใช้ทาหลังการลงครีมกันแดด หรือรองพื้นเพื่อเซ็ทหน้าไว้ไม่ให้หน้ามันวาวจนเกินไป
• ผลิตภัณฑ์ประเภทครีม เครื่องสำอางสำหรับใบหน้านั้นยังมีเครื่องสำอางประเภทครีมเช่นครีมบลัช หรือบลัชออนในรูปแบบของครีม ซึ่งจะติดทนนานกว่าบลัชออนอัดแข็งแบบตลับที่เราคุ้นเคยกัน

เครื่องสำอางสำหรับดวงตา

• อายแชโดว์ อายแชโดว์ในตลาดปัจจุบันนั้นมีความหลากหลายมาก ตั้งแต่อายแชโดว์แบบตลับเดี่ยว ไปจนอายแชโดว์ที่มีการรวมเฉดสีเอาไว้มากมายในตลับเดียว ไปจนถึงอายแชโดว์เนื้อครีม และอายแชโดว์เนื้อเหลวแบบน้ำ อายแชโดว์แต่ละแบบก็จะมีความเหมาะสมในการใช้งานแตกต่างกันออกไป
• อายไพรเมอร์ ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้การลงอายแชโดว์บนเปลือกตานั้นสามารถทำได้ง่ายขึ้น และเพื่อให้อายแชโดว์ติดทนนานมากยิ่งขึ้น
• มาสคาร่า ผลิตภัณฑ์เพื่อขนตางอนยาว หลาย ๆ แบรนด์มีการออกแบบผลิตภัณฑ์มาสคาร่าออกมามากกว่า 3 แบบ เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมกับความต้องการของผู้บริโภค และเพื่อดึงส่วนแบ่งทางการตลาดเอาไว้กับแบรนด์ มาสคาร่ามีคุณสมบัติมากมายแตกต่างกันออกไปตามแต่ความต้องการของผู้บริโภค
• ผลิตภัณฑ์ดูแลคิ้ว มีทั้งดินสอเขียนคิ้วแบบแท่ง ที่เขียนคิ้วแบบฝุ่น แบบเจล รวมไปถึงมาสคาร่าสำหรับคิ้ว
• ขนตาปลอม และกาวติดขนตาจัดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน

เครื่องสำอางสำหรับริมฝีปาก

ได้แก่ ลิปสติกประเภทต่าง ๆ ทั้งแบบแท่ง แบบน้ำ แบบตลับ รวมไปถึงดินสอเขียนขอบปาก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าสนใจในการผลิตมาก ๆ เพราะสามารถพัฒนาให้มีความหลากหลายได้ในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่สูตรของลิปสติก รูปแบบของลิปสติก รูปแบบของบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงประเภทของลิปสติก

อ้างอิง :

• Dominique Petruzzi, “Cosmetics industry – statistics & facts,” Statista, August 31, 2023, www.statista.com/topics/3137/cosmetics-industry/#topicOverview.
• “The beauty market in 2023: A special State of Fashion report,” McKinsey, May 22, 2023, www.mckinsey.com/industries/retail/our-insights/the-beauty-market-in-2023-a-special-state-of-fashion-report.
• Peris Walubengo & Adrianna Simwa, “Top 10 types of cosmetics and their uses explained with images,” Legit, September 28, 2022, www.legit.ng/ask-legit/top/1144324-10-types-cosmetics-their-uses.

Why do business with us.

Our Supporting Services.